อะวา เผ่าชาวป่าใกล้สาบสูญแห่งแอมะซอน ผู้เลี้ยงกระรอกด้วยนมจากเต้า

ชาวเผ่าอะวา


           เปิดชีวิต ชาวเผ่าอะวา เผ่าชาวป่าใกล้สาบสูญแห่งลุ่มน้ำแอมะซอน กับการใช้ชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รักสัตว์ป่า กระทั่งให้กระนอกดูดกินนมจากเต้า 
           ในผืนป่าที่ได้ชื่อว่าเป็นปอดของโลกอย่างป่าแอมะซอน ยังคงเป็นพื้นที่อาศัยของชนเผ่าที่อาศัยอยู่แบบดั้งเดิม ห่างไกลความเจริญจากโลกภายนอก แต่ชีวิตของพวกเขาก็ยังคงสงบและสวยงาม "อะวา" (Awa) ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแอมะซอน ในรัฐมารันเยาของประเทศบราซิล ก็เป็นหนึ่งในนั้น และในขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญภาวะใกล้จะหายสาบสูญไปจากโลก  

           วันที่ 4 ธันวาคม 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยเรื่องราวของชนเผ่าอะวา ผ่านคำบอกเล่าของ โดเมนิโก ปูกลีส ช่างถ่ายภาพที่ตกลงใจตามคำชวนของเพื่อนนักมานุษยวิทยาในปี 2552 เดินทางล่องเรือลงไปตามลำน้ำแอมะซอนยังพื้นที่ซึ่งยังไม่ได้รับการคุ้มครอง และที่นั่นทำให้เขาได้พบว่ากลุ่มชาวอะวา 

           โดเมนิโกเล่าว่า พวกชาวอะวาลงมาดูที่แม่น้ำหลังจากได้ยินเสียงมอเตอร์จากเรือ นาทีแรกแห่งการพบกันดูกระอักกระอ่วนบ้าง เขายื่นมือออกไปจะจับมือด้วย แต่ก็พลันคิดได้ว่าชาวอะวาจะรู้จักการทักทายแบบนี้ไหม ทว่าในที่สุดทุกอย่างก็คลี่คลาย ทั้งสองฝ่ายได้ทำความรู้จักแลกเปลี่ยนกัน เป็นที่ชัดเจนว่าชาวอะวานึกภาพไม่ออกว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร ต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากโลกของโดเมนิโก นั่นคือการอยู่เป็นโสดของมนุษย์โลกภายนอกนั้นช่างแปลกประหลาด 

ชาวเผ่าอะวา

           สำหรับชาวอะวา ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด และไม่ใช่เพียงครอบครัวที่เป็นมนุษย์เท่านั้น แต่สัตว์ต่าง ๆ ที่เลี้ยงไว้ก็นับเป็นสมาชิกคนในครอบครัวด้วย ชาวอะวาเลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งกระรอก หมูป่า นกแก้ว หนูอะกัวติ และลิง พวกมันเหล่านี้ช่วยงานของครอบครัวได้หลายอย่าง ทั้งการเฝ้ายามในขณะหลับ กะเทาะเปลือกพืชต่าง ๆ และปีนต้นไม้สูง ๆ เพื่อเก็บผลมาให้ อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันถึงความเป็นสมาชิกคนสำคัญของสัตว์เหล่านี้ หญิงชาวอะวาถึงกับเลี้ยงพวกมันให้ดูดกินน้ำนมจากเต้าไม่ต่างไปจากลูก ๆ ดังเช่นภาพหญิงชาวอะวาให้นมกระรอกที่เห็น และต่อสัตว์เหล่านี้กลับไปอยู่ในป่าแล้ว หากเวียนมาเจอกันอีก ชาวอะวาก็จะไม่ล่ามัน เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว 

           สิ่งที่น่าเป็นกังวลในตอนนี้ คือภาพวิถีชีวิตที่เรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติเช่นนี้กำลังจะหายไปในที่สุดพร้อม ๆ กับเผ่าอะวาที่ใกล้จะสาบสูญลงจากการถูกรุกราน ในอดีตนั้นชาวเผ่าได้เผชิญชะตากรรมเลวร้ายมาแล้ว จากการถูกรุกรานโดยพวกล่าอาณานิคมชาวโปรตุเกสเมื่อราว 500 ปีที่ก่อน
 ชาวป่ารวมทั้งชาวอะวาถูกกดขี่ใช้เป็นทาสแรงงาน หลังจากทนกดขี่อยู่หลายร้อยปี ในปี 2387 เหล่าชาวป่าก็ทนไม่ไหว ลุกฮือต่อต้านการกดขี่นี้ การต่อสู้ที่ยาวนานราว 5 ปี จบลงที่มีชาวป่าสูญสิ้นชีวิตไปกว่า 100,000 ชีวิต รวมทั้งชาวเผ่าอะวาด้วย 

ชาวเผ่าอะวา

           จากที่เคยมีจำนวนถึงเรือนหมื่น ในปัจจุบันนี้มีชาวเผ่าอะวาเหลืออยู่ราว 400 คนเท่านั้นเอง และยังคงถูกรุกรานอย่เรื่อย ๆ จากพวกที่เข้ามาพยายามถางป่าเผาที่ เพื่อยึดเป็นที่เพาะปลูกทำกินทำให้แหล่งหาอาหารตามธรรมชาติของชาวอะวาด น้อยลงทุกที หนำซ้ำลำน้ำในป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตก็แห้งขอดลงทุกวันด้วย

           ทาทูซ่า ตัวแทนชาวอะวา เผยว่า เขาอยากให้รัฐยื่นมือเข้ามมาช่วยเหลือ เพียงแค่กำลังของชาวป่าอย่างเดียวคงทำอะไรไม่ได้ เพราะมีไฟจากหลายทางเหลือเกิน เขาเศร้าใจมากที่เข้าไปหาอาหารแล้วกลับต้องเจอไฟป่า ไม่มีที่ให้ล่าสัตว์ ที่ให้เก็บน้ำผึ้งอีกแล้ว เรื่องเหล่านี้ทำให้เขากังวลมาก

           อย่างน้อยการเผยเรื่องราวของชาวเผ่าอะวาและป่าแอมะซอนนี้ออกไป อาจกระตุ้นให้มีหน่วยงานใด ๆ ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเผ่าอะวาให้หลุดพ้นจากความเสี่ยงที่จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ลงได้...
ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา

ชาวเผ่าอะวา
Previous
Next Post »